|
บทคัดย่อ (THAI):
|
การศึกษานี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงคุณภาพชีวิตด้านเศรษฐกิจและด้านสังคมและเพื่อศึกษาถึงการวางแผนการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่วัยเกษียณอายุของพนักงานธนาคาร โดยศึกษาเปรียบเทียบระหว่างพนักงานสถาบันการเงินเฉพาะกิจ และพนักงานธนาคารพาณิชย์ ใช้ข้อมูลปฐมภูมิที่เก็บรวบรวมจากพนักงานธนาคารออมสินซึ่งเป็นตัวแทนของสถาบันการเงินเฉพาะกิจจำนวน 170 คนและพนักงานกสิกรไทยซึ่งเป็นตัวแทนของธนาคารพาณิชย์ จำนวน 130 คน ใช้สถิติวิเคราะห์เชิงพรรณนาประกอบด้วยค่าความถี่ ค่าร้อยละและค่าเฉลี่ย
ผลการศึกษาพบว่าในกลุ่มพนักงานธนาคารออมสิน ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายุเฉลี่ย 30 ปี จบการศึกษาในระดับปริญญาตรี สมรสแล้ว มีสมาชิกในครัวเรือนเฉลี่ย 4 คน วิเคราะห์คุณภาพชีวิตด้านเศรษฐกิจ พบว่าทำงานอยู่ในตำแหน่งพนักงานทั่วไป อายุการทำงานเฉลี่ย 5 ปี มีรายได้เฉลี่ย 64,123.33 บาทต่อเดือน รายจ่ายเฉลี่ย 23,145 บาทต่อเดือน ร้อยละ 44.12 ของพนักงานทั้งหมดมีรายรับจากการทำงานล่วงเวลาโดยเฉลี่ย 4,632 บาทต่อเดือน ได้รับเงินโบนัสปีละ 2-3 ครั้ง โดยเฉลี่ยประมาณ 6 เท่าของเงินเดือน เฉลี่ย 64,408 บาทต่อปี ร้อยละ 23.53 ของพนักงานทั้งหมดมีรายได้เสริมจากการประกอบอาชีพธุรกิจส่วนตัว โดยเฉลี่ย 12,050 บาทต่อเดือน ร้อยละ 45.00 ของพนักงานทั้งหมดมีภาระผ่อนบ้าน และร้อยละ 55.00 ของพนักงานทั้งหมดมีภาระผ่อนรถ การศึกษาระดับคุณภาพชีวิตด้านเศรษฐกิจพนักงานธนาคารออมสินอยู่ในระดับปานกลาง การวิเคราะห์คุณภาพชีวิตด้านสังคม โดยดูจากความมั่นคง ปลอดภัยในการทำงานและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน พบว่า พนักงานธนาคารออมสินมีระดับคุณภาพชีวิตด้านสังคมอยู่ในระดับดี การเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่วัยสูงอายุพบว่า พนักงานธนาคารออมสินวางแผนที่เกษียณอายุเมื่อ 55 ปี คิดว่าหลังจากเกษียณอายุแล้ว ร้อยละ 71.76 ของพนักงานทั้งหมดจะไม่ทำงาน ร้อยละ 31.91 ของพนักงานทั้งหมดจะมีรายได้จากเงินออมในรูปแบบของ(เงินสด,เงินประกัน,พันธบัตร) ร้อยละ 92.94 ของพนักงานทั้งหมดจะพักอาศัยอยู่ที่บ้านพักของตนเอง และร้อยละ 7.06 จะพักกับลูกหลาน ในกรณีที่เสียชีวิตร้อยละ 49.48 ของพนักงานทั้งหมดจะได้รับเงินชดเชยจากหน่วยงาน สำหรับการวางแผนด้านดูแลสุขภาพและการรักษาพยาบาล ร้อยละ 40.68 ของพนักงานทั้งหมดจะใช้สิทธิ์จากประกันสุขภาพ
กลุ่มพนักงานธนาคารกสิกรไทย ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย มีอายุเฉลี่ย 34 ปี จบการศึกษาในระดับปริญญาโท สมรสแล้ว มีสมาชิกในครัวเรือนเฉลี่ย 5 คน วิเคราะห์คุณภาพชีวิตด้านเศรษฐกิจ พบว่าทำงานอยู่ในตำแหน่งพนักงานทั่วไปอายุการทำงานเฉลี่ย 5 ปี มีรายได้เฉลี่ย 69,256.91 บาทต่อเดือน รายจ่ายเฉลี่ย 25,002 บาทต่อเดือน ร้อยละ 31.54 ของพนักงานทั้งหมดมีรายรับจากการทำงานล่วงเวลาโดยเฉลี่ย 4,505 บาทต่อเดือน ได้รับเงินโบนัสปีละ 1 ครั้ง โดยเฉลี่ยประมาณ 4 เท่าของเงินเดือน เฉลี่ย 54.659 บาทต่อปี ร้อยละ 23.53 ของพนักงานทั้งหมด มีรายได้เสริมจากการประกอบอาชีพธุรกิจส่วนตัว โดยเฉลี่ย 14,515 บาทต่อเดือน ร้อยละ 50.00 ของพนักงานทั้งหมดมีภาระผ่อนบ้าน และร้อยละ 50.00 ของพนักงานทั้งหมดมีภาระผ่อนรถ การศึกษาระดับคุณภาพชีวิตด้านเศรษฐกิจพนักงานธนาคารกสิกรไทยอยู่ในระดับปานกลาง การวิเคราะห์คุณภาพชีวิตด้านสังคม พบว่า พนักงานธนาคารกสิกรไทยมีระดับคุณภาพชีวิตด้านสังคมอยู่ในระดับดี การเตรียมความพร้อมเมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุพบว่า พนักงานธนาคารกสิกรไทยวางแผนที่เกษียณอายุเมื่อ 55 ปี คิดว่าหลังจากเกษียณอายุแล้ว ร้อยละ 65.38 ของพนักงานทั้งหมดจะไม่ทำงาน ร้อยละ 34.25 ของพนักงานทั้งหมดจะมีรายได้จากเงินออมในรูปแบบของ(เงินสด,เงินประกัน,พันธบัตร) ร้อยละ 91.54 ของพนักงานทั้งหมดจะพักอาศัยอยู่ที่บ้านพักของตนเอง ร้อยละ 8.46 จะพักกับลูกหลาน ในกรณีที่เสียชีวิตร้อยละ 63.04 ของพนักงานทั้งหมดจะได้รับเงินชดเชยจากฌาปนกิจสงเคราะห์ สำหรับการวางแผนด้านดูแลสุขภาพและการรักษาพยาบาล ร้อยละ 38.86 ของพนักงานทุกคนจะใช้สิทธิ์จากประกันสังคม
คำสำคัญ : คุณภาพชีวิต วัยสูงอายุ การวางแผนการดำเนินชีวิต พนักงานธนาคาร จังหวัดเชียงใหม่
|
|
Abstract:
|
This research is focused on economic and social quality of life and old age planning of bank’s employee. The research had been conducted and compared among two categories of financial employees, specialized financial institution and commercial bank. The information had been collected and analyzed from 170 employees from the Government Savings Bank whose represented for the specialized financial institutions, and 130 employees from Kasikorn Public Limited Bank whose represented of the commercial ones. Descriptive statistics were used including percentage, frequency and average.
The results showed that for the Government Savings Bank's employees, mostly were bachelor degrees, married females on average age of 30 with approximate four family members. On their social quality of living analysis, it had been found that their work positions were five years working as general officers with 64,123.33 Baht monthly income, and 23,145 Baht monthly expense. About 44.12 percent of this group employees received overtime payments from extra hours working 4,632 Baht per month. They also received two to three times yearly bonus payments which were approximately about six times of their salaries, on average equivalent 64,408 Baht yearly. The 23.53 percent of all employees also run their own businesses with additional average 12,050 Baht monthly earnings. About 45 percent of all were bounded with monthly home loans and about 55 percent of them had to deal with car loans as well. The researches of economic living quality were conducted from their security, safety of working environment, and of safety in life and property. It represented that the Government Savings Bank’s employee officers had a good level of social living quality. On the retirement preparations aspect, they expected to retire at their ages of 55. The 71.76 percent of them would not continue working, and the 31.91 percent of them would survive their living from their savings (cash, insurance, bonds). The 92.94 percent of them would reside in their own residences and the other 7.06 percent would reside with their children. In case they pass away, 49.48 percent of them would receive compensated payments from their organizations. The 40.68 percent of this group also deliberately planned that they would choose receiving medical services from medical insurances after their retirements.
On Kasikorn Public Limited Bank side, most of the selected employees were average master degree 34 year olds married male with approximate five members. Based on their economic living quality analysis, it had been found family that they worked as general employees about five years with average 69,256.91 Baht monthly incomes, and 25,002 Baht monthly expenses. The 31.54 percent of them received overtime payments from their extra hour workings which equivalents 4,505 Baht monthly. They received only once a year bonus payment which approximately four times of their salaries, 54,659 Baht yearly. The 23.53 percent of them also earn extra earnings from their personal or family businesses which were approximately 14,515 Baht additional. However, about 50 percent of them were bounded with home loans, and the other 50 percentages were bounded with car loan as well. On their economic living quality study, it revealed that they stayed in medium level of this living condition. The social quality of life analysis represented that their social living condition levels were in good state. They already well- prepared for their senior retirement plans. They expected to retire at their 55 and 65.38 percent of them would not continue working. About 34.25 percent of them will live their lives on their savings (cash, insurance, bonds) 91.54 percent of them would reside in their own residences. The other 8.57 percent would stay with their children. In case they pass away, the 63.04 percent of them would receive support fund from the Funeral Assistance Association. Furthermore, the 38.86 percent of them also planned that they would choose receiving social medical service after they had retired.
Keywords: Quality of Life Old Age Life planning Bank’s Employees Chiang Mai Province
|