|
บทคัดย่อ (THAI):
|
การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมการออมเพื่อการเกษียณ วัดทักษะทางการเงิน และศึกษาปัจจัยส่วนบุคคลและทักษะทางการเงินที่มีผลต่อพฤติกรรมการออมเพื่อการเกษียณของประชากรในเขตอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 400 คน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลประกอบด้วย การแจกแจงความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าไคว์สแควร์
ผลการศึกษาข้อมูลทั่วไปของกลุ่มตัวอย่าง พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศชาย มีอายุระหว่าง 25 – 35 ปี มีสถานภาพสมรส มีบุตรหรือบุคคลในอุปการะ จำนวน 1- 2 คน และมีรายได้ 10,000 – 35,000 บาทต่อเดือน ผลการศึกษาพฤติกรรมการออมของกลุ่มตัวอย่าง พบว่า ส่วนใหญ่มีวัตถุประสงค์การออมหลักคือเพื่อใช้จ่ายยามฉุกเฉินเจ็บป่วย รองลงมาคือ ออมเพื่อการเกษียณ โดยมีเงินที่เก็บออมทั้งหมดต่อเดือน ระหว่าง 1,000 – 5,000 บาท รูปแบบการออมส่วนใหญ่คือฝากออมทรัพย์ รองลงมาคือ ประกันชีวิต และฝากประจำ ตามลำดับ ผลการศึกษาทักษะทางการเงินพบว่า กลุ่มตัวอย่างมีทักษะทางการเงินในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณาแต่ละด้านพบว่า มีคะแนนด้านพฤติกรรมทางการเงินอยู่ในระดับสูง มีคะแนนความรู้ทางการเงิน และทัศนคติทางการเงินอยู่ในระดับปานกลาง ขณะเดียวกันผลการศึกษาความรู้เกี่ยวกับความเสี่ยงและผลตอบแทนพบว่า กลุ่มตัวอย่างมีความรู้เกี่ยวกับความเสี่ยงและผลตอบแทนอยู่ในระดับต่ำ และผลการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลกับพฤติกรรมการออมเพื่อการเกษียณ ซึ่งเปรียบเทียบระหว่างสองกลุ่มตัวอย่างที่เป็นอิสระจากกัน โดยกำหนดระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.01 พบว่า อายุ สถานภาพ จำนวนบุตรหรือบุคคลในการอุปการะ อาชีพ ระดับการศึกษา และรายได้รวมต่อเดือนมีความแตกต่างกันในวัตถุประสงค์ของการออมเพื่อการเกษียณ นอกจากนี้ ผลการศึกษา พบว่า ทักษะทางการเงินด้านพฤติกรรมทางการเงิน และทัศนคติทางการเงินมีความแตกต่างกันในวัตถุประสงค์การออมเพื่อการเกษียณ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ 0.01
คำสำคัญ: ทักษะทางการเงิน, การออม, เกษียณ, อำเภอเมืองเชียงใหม่, จังหวัดเชียงใหม่
|
|
Abstract:
|
This study aims to study savings behavior for retirement, assess financial literacy levels and to study relationship between personal factors and financial literacy levels and savings behavior for retirement of the population in Mueang Chiang Mai City, Chiang Mai Province. Questionnaires were used as a tool for collecting data. The statistics used for data analysis consisted of the frequency, percentage, mean and Chi-Square test. The sampling group is 400 working-age people in Mueang Chiang Mai City, Chiang Mai Province.
According to the study on general information of samples, the research found that most of the samples were male, 25 - 35 years old, marital status, have 1-2 children/person foster care and income between 10,000 - 35,000 baht per month. According to the study on the saving behavior of the samples, the results found that most of the objectives of saving are to spend during emergencies and retirement for savings, respectively. Total savings is between 1,000 - 5,000 baht per month and most of the forms of savings are savings followed by life insurance and fixed deposits, respectively. According to the study on financial literacy, the research found that most of the samples had financial literacy at the medium level. Considering each aspect, it was found that have the high level of financial behavior. Moreover, financial literacy and financial attitudes of samples were at the medium level. While the study of knowledge about risks and rewards found that most of the samples have the low level of knowledge about risk and rewards. Finally, the results of the relationship between personal factors and saving behaviors for saving comparing between two independent samples by specifying statistical significance level 0.01 found that age, status, number of children/person foster care, career, education and monthly income have different in the purpose of saving for retirement. In addition, the result indicated that financial literacy in financial behavior and financial attitudes are different in the objectives of saving for retirement.
Key word: Financial Literacy, Savings, Retirement, Mueang Chiang Mai City, Chiang Mai Province
|